ประเทศเวียดนาม
ประเทศเวียดนาม นับว่าเป็นเพื่อนบ้านกับไทยมานาน นอกจากนี้ ในประเทศยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่มากมาย ชนิดที่ว่าถ้าพลาดแล้วล่ะก็ต้องน่าเสียดายเอามาก ๆ เป็นแน่ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังคงความงดงาม รวมถึงมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกหลายแห่งด้วยกัน อีกทั้งเดินทางก็สะดวกเพราะอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านเรา วันนี้จึงนำ 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่มีมนตร์เสน่ห์อย่างน่ามหัศจรรย์ในประเทศเวียดนาม...มาฝากกันค่ะ
1. อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay)
อ่าวฮาลอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ของพันธุ์สัตว์ เพราะมีความหลากหลายทางชีวภาพ จนยูเนสโกต้องยกย่องให้เป็นมรดกโลก อ่าวนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเวียดนาม และอยู่ไม่ห่างจากเขตแดนของประเทศจีนมากนัก จุดเด่นของอ่าวนี้ คือ มีเกาะหินปูนโผล่ขึ้นกระจาย ๆ ทั่วอ่าว ครอบคลุมพื้นที่ถึง 1,500 ตารางกิโลเมตร นอกจากนี้ ยังได้รับคำชื่นชมจากนักท่องเที่ยวว่ามีบรรยากาศที่สวยงามเกินจริง เสมือนฉากในตอนจบของภาพยนตร์ซึ่งมีแสง สี ที่ลงตัวสุด ๆ เลยทีเดียว
ข้อมูลเพิ่มเติม : อ่าวฮาลองอยู่ห่างจากกรุงฮานอย 170 กิโลเมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเริ่มต้นการเดินทางจากกรุงฮานอย โดยใช้บริการรถยนต์ รถมินิบัส รถประจำทาง หรือเฮลิคอปเตอร์
ข้อมูลเพิ่มเติม : อ่าวฮาลองอยู่ห่างจากกรุงฮานอย 170 กิโลเมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเริ่มต้นการเดินทางจากกรุงฮานอย โดยใช้บริการรถยนต์ รถมินิบัส รถประจำทาง หรือเฮลิคอปเตอร์
2. พระราชวังทังลอง
(Imperial Citadel of Thang Long)
(Imperial Citadel of Thang Long)
สถานที่แห่งนี้เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นด้วยหินทั้งหมด ซึ่งเป็นสมบัติของราชวงศ์ Ho และ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1379 แต่ยังคงหลงเหลือโครงสร้างให้เห็นในปัจจุบัน อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม เพราะเป็นราชวังหินแห่งเดียวหลงเหลืออยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ยาวนาน จึงถูกยกย่องให้เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของสถาปัตยกรรมในสมัยนั้น ๆ นอกจากนี้ ยังมีการสร้างโดยใช้เทคโนโลยีในแบบสมัยก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าพิศวงว่าคนสมัยนั้นสามารถสร้างพระราชวังที่งดงามอย่างนี้ได้อย่างไร
ข้อมูลเพิ่มเติม : ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ราคา 16 บาท (10,000 ดงเวียดนาม) ค่าเข้าชมสำหรับเด็ก (อายุ 10-15 ปี) ราคา 8 บาท (5,000 ดงเวียดนาม) สำหรับเวลาทำการนั้น เปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ในช่วงฤดูร้อนเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น. ในฤดูหนาวเปิดตั้งแต่เวลา 07.30-17.30 น.
3. เมืองเก่าฮอยอัน (Hoi An Old Town)
เมืองเก่าฮอยอันเป็นเมืองขนาดเล็กตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลจีนใต้ ชาวบ้านยังคงมีวิถีชีวิตแบบ ดั้งเดิม อีกทั้งภายในเมืองยังมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า มีอาคารต่าง ๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมทั้งตะวันตกและตะวันออก เช่น บ้าน โคมไฟโบราณแบบจีน สะพานข้ามคลองที่มีการดีไซน์แบบประเทศญี่ปุ่น ดังนั้น จึงไม่แปลกที่เมืองฮอยเก่าอันจะได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก นอกจากนี้ ยังสามารถดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ส่วนการสัญจรไปมาในเมืองนั้นก็สะดวก นักท่องเที่ยวสามารถเดิน ปั่นจักรยาน หรือขับรถจักรยานยนต์ก็ได้ เพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ในยามค่ำคืนหลังสี่ทุ่มไปแล้วจะค่อนข้างเงียบ แต่ยังพอมีผับบาร์ ร้านขายเครื่องดื่มเปิดให้บริการอยู่บ้าง ที่สำคัญผู้คนในเมืองเป็นมิตร อัธยาศัยดี มีน้ำใจกับนักท่องเที่ยว
ข้อมูลเพิ่มเติม : ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในเมืองเก่าฮอยอันคนละ 181บาท (120,000 ดงเวียดนาม) นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์เมืองเก่าต้องแต่งกายสุภาพ เช่น ผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ต ผู้หญิงห้ามสวมเสื้อไม่มีแขนและกระโปรงสั้นเหนือเข่า
4. อุโมงค์กู๋จี (Cu Chi Tunnels)
อุโมงค์แห่งนี้มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม ใช้เป็นที่หลบภัยจากระเบิด ที่สำหรับประชุมของกองกำลังเวียดกงในสมัยที่รบกับสหรัฐอเมริกา อุโมงค์ถูกสร้างขึ้นให้มีหลายชั้นและแต่ละชั้นจะมีระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพ เพื่อความอยู่รอดของทหาร ภายในอุโมงค์ประกอบไปด้วยโรงพยาบาล ห้องประชุม และห้องพัก สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจะได้รับชมหนังสั้นที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามเวียดนามก่อน เพื่อจะได้เข้าใจความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ได้ง่ายขึ้น นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลาม
ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองโฮจิมินห์ 70 กิโลเมตร และเปิดให้บริการตลอดทั้งปี
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังที่แห่งนี้รับรองได้เลยว่าจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับทะเลทราย เพราะภูเขาทรายที่หมุยแหนหรือที่หลายคนคุ้นเคยกับสำเนียง "มุยเน่" นั้น มีขนาดใหญ่และอยู่ติดกับชายทะเล จึงมีแดดและลมที่แรงมากทีเดียว ที่นี่มีเนินทรายอยู่ 2 แห่ง คือ ภูเขาทรายขาวและภูเขาทรายแดง ซึ่งภูเขาทรายขาวนั้นมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Bau Trang และมีร้านอาหารขนาดเล็กเปิดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย สำหรับภูเขาทรายแดงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่เป็นที่นิยมมากกว่าในสายตาของช่างภาพ เนื่องจากสีทรายมีสีแดงเข้ม ถ่ายรูปออกมาแล้วสีสวยกว่าที่ภูเขาทรายขาว ส่วนกิจกรรมยอดฮิต คือ การเล่นกระดานเลื่อนบนเนินทรายสูงลงมาด้านล่าง ซึ่งอุปกรณ์สำหรับเล่นนั้นสามารถหาเช่าได้จากร้านที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ภูเขาทราย
ข้อมูลเพิ่มเติม : เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยว คือ ช่วงเช้าหรือไม่ก็ช่วงเย็น เพราะตอนกลางวันถึงช่วงบ่ายนั้นอากาศและแดดแรงมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น